Sunday 22 April 2012

วัดเสาร้อยต้น พม่า (ด่านเจดีย์สามองค์) Tai Ta Ya M...

Rhino on tour: วัดเสาร้อยต้น พม่า (ด่านเจดีย์สามองค์) Tai Ta Ya M...: ทริปนี้ ตามสัญญา ค่ะ วัดเสาร้อยต้น พม่า Tai Ta Ya Monastery   ความจริงทริปนี้ต่อเนื่องมากจากการไปถวายพระที่สะเน่พ่อง ...

วัดเสาร้อยต้น พม่า (ด่านเจดีย์สามองค์) Tai Ta Ya Monastery

ทริปนี้ ตามสัญญา ค่ะ
วัดเสาร้อยต้น พม่า Tai Ta Ya Monastery

                    ความจริงทริปนี้ต่อเนื่องมากจากการไปถวายพระที่สะเน่พ่อง
เพื่อนๆ4W เดินทางกลับบ้านไปก่อน แต่Mrs.Rhino นั้นแยกตัวเลี้ยวขวามาทางทองผาภูมิ ตั้งใจว่าไหนๆมาแล้วและมีเวลาอีกตั้งครึ่งวัน เลยจะขอเข้าไปเที่ยวด่านพระเจดีย์สามองค์ซะหน่อย ให้หายสงสัยว่า เจดีย์สามองค์นั้นแท้จริงองค์แค่ไหนกันแน่

ระหว่าทางไปขอแวะทานอาหารที่ห้วยซองกาเลีย
มีผู้คนมานั่งทานอาหารบนแพริมลำน้ำกันมากพอสมควร
ที่นี้ยังมีที่แพให้พักด้วยนะคะ 
     
          เมื่ออิ่มดีแล้วMrs.Rhino ก็ออกเดินทางเข้า
ด่านพระเจดีย์สามองค์
           พระเจดีย์สามองค์นี้แต่เดิมเรียกกันว่า หินสามกอง (เข้าใจว่าคงเป็นเนินหินเล็กๆธรรมดาเท่านั้น) แต่สถานที่นี้เป็นที่สักการะของคนไทยก่อนจะเดินทางออกจากเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรี ได้นำชาวบ้านก่อสร้างเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ตามประวัติศาสตร์ด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต  

    ได้เห็นพระเจดีย์สามองค์แล้วแม้ไม่ใหญ่โตอลังการ แต่ก็รู็สึกได้ถึงความขลังของสถานที่ เมื่อกราบไหว้พระเจดีย์แล้ว
ก็จะเข้าไปพม่าเที่ยววัดเสาร้อยต้น ด้วยเลย 
 

 ปัจจุบันบริเวณด่านเจดีย์สามองค์มีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี   ซึ่งอนุญาตประชาชนทั้งสองประเทศเดินทางเข้าออกโดยไม่จำต้องมีหนังสือเดินทางแค่แสดงบัตรประชาชนเพื่อขอบัตรผ่านเข้าออกและเสียค่่าธรรมเนียมคนละ 25 บาท และสามารถขับรถเข้าไปพม่าได้โดยค่าธรรมเนียมรถยนต์เพียง 50 บาท 
          แต่ต้องกลับออกมาก่อนหกโมงเย็น เพราะยังไม่อนุญาตให้ค้างที่พม่าได้ค่ะ (เวลาเปิด-ปิด ด่าน 06.00-18.00 น.) ในขณะเดียวกันชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในฝั่งไทยก็ต้องกลับเข้าพม่าก่อนเวลาด่านปิด 18.00 น.เช่นกัน 



                   เมื่อข้ามแดนเข้าเขตพม่าก็ยื่นบัตรผ่านให้ทหารพม่าและเสียค่าผ่านแดนในฝั่งพม่าอีกครั้งค่ะ บริเวณด่านฝั่งประเทศไทยมีร้านขายสินค้าจากประเทศพม่าให้เลือกชม หรือจะข้ามชายแดนเข้าไปชมตลาดพญาตองซู ซึ่งเป็นตลาดชายแดนก็ได้ค่ะ









ถนนหนทางในพม่า ยังคงมีสภาพเป็นถนนดินอยู่ค่ะ
เข้าพม่าอย่าลืมนะคะ ต้องขับรถช่องทางขวา


ขับเลยด่านมาไม่ไกลนัก 
 ก็พบป้ายทางเข้าวัด

 





ประตูทางเข้าวัดเสาร้อยต้น
 มองวัดจากมุมไกล
วัด เสาร้อยต้น Tai Ta Ya Monastery  เป็นวัดเดิมที่หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเคยมาจำพรรษาและสร้างไว้  สถาปัตยกรรมที่สร้างโดยเสาที่ทำจากไม้แดง นับร้อยต้น ทำให้วัดมีชื่อเสียง วัดมีสามชั้น ชั้นบนสุดนั้นห้ามผู้หญิงขึ้นค่ะ  
         ตอนมาถึงวัดพอจอดรถ Mrs.Rhino ก็มองเห็นเด้กผู้ชายสามสี่คนวิ่งวุ่นวายหน้าทางขึ้นวัด เราพาลนึกไปว่าสงสัยมารอขอเงิน ก็เตรียมเงินไว้แล้ว แต่พอเราเดินมาถึงถอดรองเท้าเข้าวัดตามธรรมเนียม  ปรากฏว่าเด็กกลุ่มนั้นเดินมาจัดเรียงรองเท้าอย่างดี โดยไม่ได้ร้องขอเงินอย่างที่เราคิด และแนะนำให้เราขึ้นไปกราบพระและรอขอรับลูกประคำจากพระชั้นบนอีกด้วย
        Mrs.Rhino ละอายใจที่ตัดสินใจคนไปก่อนเช่นนั้น เกิดเป็นความประทับใจมากทีเดียว จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังและ กล่าวขอโทษเด็กๆไว้ตรงนี้
        หากใครผ่านไปเที่ยวอย่าลืม ซื้อลูกอมไปฝากเด็กๆด้วยนะคะ วันนั้นMrs.Rhino มีอมยิ้มลูกกลมๆติดไปหลายอันเลยได้แบ่งให้เด็กทุกคน เห็นแล้วน่ารักค่ะ



 ภาพหลวงพ่ออุตตมะ ที่เคารพอย่างสูงของชาวพม่า
 อาสนะของหลวงพ่ออุตตมะ ขณะมาจำพรรษา ณ วัดเสาร้อยต้นนี้ ถูกเก็บรักษาด้วยความเคารพอย่างดี

[
                                                                                                                                      

       
 ระหว่างเยี่ยมชมวัดนั้น Mrs.Rhino สังเกตุเห็นว่าคุณแม่ชีที่พม่านี้สวมชุดเป็นสีชมพู แต่ความจริงนั้น ผ้าสไบผืนนอกนั้นเป็นสีขาวค่ะ แต่ชุดด้านในต่างหากที่เป็นสีแดง สีโดยรวมเลยออกมาเป็นสีชมพูค่ะ (แต่บางทีเห็นสไบก็สีชมพูอ่อนเหมือนกันค่ะ) สวยน่ารักทีเดียว
        คุณแม่ชีท่านเดินผ่านมาพอดี Mrs.Rhino เลยขอท่านถ่ายรูป ท่านก็ใจดีมากค่ะ วางอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วยืนให้เราถ่ายภาพอย่างสุภาพ  น่ารักมากๆค่ะ  (55ไม่ค่อยดุเหมือนแม่ชีที่เมืองไทยบางวัดนะคะ)


่หลังจากชมที่วัดเสาร้อยต้นแล้ว Mrs.Rhino มองเห็นยอดเจดีย์สีทองตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ไกล เลยจะขับรถไปเยี่ยมชม
เด็กๆบอกว่าเรียกว่า "วัดทองคำ" (เห็นมั๊ยค่ะ ลิบๆตาเลย55แต่ขับรถไปถึงเลยค่ะ..สบายมากๆ)
















 ระหว่างทางไป 
วัดทองคำMrs.Rhino ผ่าน ศาลาที่ไว้สำหรับพระสงฆ์มาทำวัดปฎิบัติธรรมค่ะ  หลังใหญ่ๆที่อยู่ด้านหลังของรูปปั้นพระสงฆ์ นั้นหละค่ะ
     แต่วัดทองคำที่เราจะไปนั้น อยู่เลยไปหลังศาลาหลังนี้อีกประมาณหนึ่งกิโลค่ะ


             ภาพนี้ชอบค่ะ มองเห็นรูปปั้นองค์พระพุทธเจ้า และองค์พระอรหันต์เรียงรายตามเสด็จ (เห็นรายเรียงนั้น นับได้เป็นร้อยองค์ค่ะ) สวยค่ะ


มองย้อนหลังไปจะเห็น ศาลาปฎิบัติธรรม และวัดเสาร้อยต้น สวยแปลกตาดี

วัดทองคำบนเนินเขาโน้นค่ะ


ทางขึ้นวัดทองคำ ส่วนใหญ่หญิงชายชาวพม่าจะเดินขึ้นทางบันไดนี้

แต่หากใครมีฐานะขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์ก็เชิญขึ้นทางประตูสิงห์นี้ค่ะ 
สบายกว่ากันเยอะเลย(แซวเล่นนะคะ ขึ้นทางไหนก็แล้วแต่ความขยันค่ะ)
ส่วนMrs.Rhino ก็มีฐานะค่ะ แต่ในฐานะอายุมาก
เลยอาศัยขับรถขึ้นทางนี้แทนการเดินขึ้น  ไม่อย่างนั้นปวดหัวเข่าไปอีกนานแน่นอน....
วัดทองคำ




ใครเดินขึ้นก็จะมาเจอกันตรงนี้ค่ะ













ขึ้นมาก็เจอปริศนาธรรม
ปิดหู ปิดตา ปิดปาก












วิวเมื่อมองจากบนวัดฯ ส่วนนี้มองเห็นวัดเสาร้อยต้น และศาลาปฎิบัติธรรมของวัดฯ

   เห็นหมู่บ้านพญาตองซูทั้งหมด บริเวณลิบตาหลังแนวเสาอากาศใหญ่นั้นคือเขตแดนประเทศไทยค่ะ



 จุดนี้เป็นแนวทิวเขาฝั่งพม่า  ภูเขาสลับซ้อนเหมือนภาพวาด เลยแนวเขานั้นไป ก็เข้าเขตจังหวัดทวาย เมืองเศรษฐกิจใหม่ ของพม่า
 
เรามาชมบรรยากาศ บริเวณวัดกันบ้างค่ะ

     วัดทองคำนี้ มีองค์เจดีย์ทองเป็นประธาน ซึ่งรอบองค์เจดีย์ทอง จะมีซุ้มพระพม่าประดิษฐานไว้ ให้กราบบูชา สังเกตุเห็นป้ายสีแดงเล็กๆมีรูปสัตว์ ตอนแรก Mrs.Rhino นึกว่าสร้างซุ้มพระไว้ประจำปีเกิด  แต่เดินดูไปกลับหาปีเกิดของตัวเองไม่เจอ และมีรูปสัตว์ที่ไม่ใช่ปีนักษัตร ด้วยเช่นช้าง เลยไม่แน่ใจว่าทำประจำปีเกิดหรืออะไรกันแน่   แต่ที่แน่ๆเห็นหนุ่มสาวชาวพม่ามา กราบไหว้ตลอดเวลา




ใช้เวลาที่วัดนานพอสมควรแล้ว เดี๋ยวจะพาไปชม 
หมู่บ้านและตลาดพญาตองซู ดีกว่าค่ะ

หน้าตลาดพญาตองซู


      ตลาดดูไม่ค่อยครึกครืนอย่างที่คาดไว้ คงเป็นเพราะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก  ตลาดเครื่องประดับก็เปิดไม่กี่ร้าน คุณนายMrs.Rhino ก็เลยshopมาแค่สามสี่หมื่นเท่านั้น
อย่าพึ่งหมั่นไส้ค่ะ เงิน kyat จ๊าดค่ะ (เทียบเงินไทยก็อัตรา 35 จ๊าดต่อ 1 บาท)
      




      Mrs.Rhino ซื้อของกับแม่ค้าร้านนี้ค่ะ พี่เธอลดแหลก และพูดจาน่ารักค่ะ  แม่ค้าบอกขายกำไรงาช้างให้ เราบอกว่าแหมเขาอนุรักษ์ช้างกัน แม่ค้าคนสวยรีบบอกช้างเลี้ยงในพม่ามีเยอะค่ะไม่ได้ฆ่ามาตามป่า เหมือนเมืองไทยหรอกเจ๊   ฮือ!!
         แต่ไม่เอาดีกว่า เลยอุดหนุนพลอยมาแค่สร้อยข้อมือ จี้ และแหวน ครบชุด (พอกลับมาฝั่งไทยที่ทองผาภูมิ ราคาแพงกว่ากันเท่าหนึ่งแนะ เลยภูมิใจซื้อของถูก)


   

ร้านตัดเย็บเสื้อผ้ายังมีให้เห็นในพม่าค่ะ




สาวพม่าเทินของมาขายในตลาด 


 

       วิถีชีวิตเรียบง่ายในพม่า เสน่ห์ง่ายๆที่ทุกคนมาอยากมาสัมผัส คุณยายทำขนมขายให้หนุ่มสาวพม่าที่กำลังเดินทางกลับมาจากทำงานในไทย ขนมหน้าตาเหมือนถังแตกบ้านเราแต่มะพร้าวเยอะมาก อร่อยทีเดียว ส่วนราคานั้นชิ้นละ 12 บาท Mrs.Rhino เลยซื้อมาสองชิ้น        
เพื่อนบ้านออกมาอุดหนุนขนมของคุณยาย
         ที่พม่ายังนิยมกินหมากกันค่ะ (สังเกตุมีร้ายขายหมากทุกมุมถนนเหมือนร้านseven ในบ้านเราเลย) แต่ปูนที่ทาหมากนั้นเป็นปูนสีขาว Mrs.Rhino ถาม คนขายออกจะเขินๆ เขาย้อนถามว่าซื้อกินเองหรือ เลยตอบไปว่าจะลองดู ทั้งคนขายคนซื้อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกว่าหมากมีหลายแบบ มีทั้งแบบยาเส้นแรงๆและไม่แรง  อย่างเราต้องซื้อแบบเบาๆไปก่อน  ราคาก็ 3 คำ 20 บาท ซื้อมา 6 คำ (haha แต่ยังไม่กล้าลองค่ะ)
       หนุ่มๆมารุมซื้อหมากกินกัน  และอาศัยร้านขายหมากเป็นที่สังสรร
เหมือนวัยรุ่นบ้านเราเข้าร้าน KFC หรือ MAC เลยค่ะ
ร้านขายของชำ ร้านเช่่าวีดีโอ ร้านขายยา และร้านค้าอื่นๆก็ยังมีให้เห็นทั่วไป เหมือนๆบ้านเรานะหละคะ  แต่ต่างกันที่จำนวนร้านที่มีอย่างพอเพียงเท่านั้น  

 บ้านเรือนก็มีทั้งแบบเรือนไม้เดิม บ้านตึกสองชั้น แต่ยังคงความเรียบง่าย


          เที่ยวชมจนเพลิน เกือบจะปิดด่านแล้ว ก็เดินทางกลับไทย ระหว่างทางสวนกันกับผู้คนชาวพม่าที่เดินทางกลับบ้านเช่นกัน
           ถึงด่านพม่า ก็มอบหมากที่ซื้อมา ให้ทหารพม่าที่ดูแลหน้าด่าน
ดูเขาชอบใจ Mrs.Rhino ก็ดีใจที่คนรับชอบค่ะ
(ส่วนเส้นทางที่มอเตอร์ไซด์เลี้ยวขวาไปนั้นเป็นเขตทหาร ห้ามพลเรือนเข้าค่ะ)

หากเพื่อนๆมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ 
และข้ามเที่ยววัดเสาร้อยต้น ตลาดพญาตองซู ในพม่า
ก็ขอให้สนุกเหมือนที่ Mrs.Rhino ไปนะคะ    
 
best wish ka....